วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2558

When You Believe บทเพลงแห่งศรัทธา


DEC 27, 2015 @ แจ๋วจริงฟาร์มทะเลซีฟู้ด ครบรอบ 1 ปี

When You Believe บทเพลงแห่งศรัทธา
อธิษฐานเรื่อยไป.. ไม่อาจรู้ว่าผู้ใดรับฟัง
เพลงแห่งหวังในใจนั้นดัง.. ยังเกินกว่าจะเข้าใจ
แต่เรานั้นพร้อมออกเดิน.. แม้ต้องเผชิญความกลัวเท่าไหร่
ปาฏิหาริย์เคยสร้างไว้.. รู้หรือไม่เกิดจากเรานี้..
อาจเกิดสิ่งอัศจรรย์.. นั้นอยู่ที่ใจ
มืดมนเท่าไหร่.. หากหวังยังมี
ยิ่งใหญ่เกินใครคิดฝัน.. พันเท่าทวี
หากเพียงเรานี้.. ศรัทธาจริงใจ ทุกสิ่งล้วนเป็นไปได้..
ยามเคว้งคว้างหวั่นใจ.. คำสวดเหมือนไม่มีใครได้ยิน
ดูความหวังดั่งนกโผบิน.. ไม่นานสิ้นหมด มลาย..
แต่ยามนี้ฉันหยัดยืน.. แสนตื้นตันใจเกินบรรยายได้
ตั้งจิตนำเอ่ยคำมากมาย.. ไม่เคยจะเอ่ยอย่างนี้..
อาจเกิดสิ่งอัศจรรย์.. นั้นอยู่ที่ใจ (ศรัทธาแห่งใจ)
มืดมนเท่าไหร่.. หากหวังยังมี (หากหวังยังมี)
ยิ่งใหญ่เกินใครคิดฝัน.. พันเท่าทวี (เพิ่มพูนทวี)
หากเพียงเรานี้.. ศรัทธาจริงใจ ทุกสิ่งไม่เกินใจเรา..
อาชีรา ลาโดไน คี กะโอ กะอา
A~shi~ra i'a~don~ai ki ga~oh ga~ah
(i will sing to the Lord, for he has triumphed gloriously)
 
อาชีรา ลาโดไน คี กะโอ กะอา
A~shi~ra l'a~don~ai ki ga~oh ga~ah
(i will sing to the Lord, for he has triumphed gloriously)
 
มีคาโมคา บาเอลิม อาโดไน
Mi~cha~mo~cha ba~elim adonai
(who is like you, oh Lord, among the celestial)
 
มีคาโมคา เนทา บาโกเดช
Mi~ka~mo~cha ne~dar~ ba~ko~desh
(who is like you, majestic in holiness)
 
นาคีทา ฝ'คัส ด'คา อัมซู กาอัลทา
Na~chi~tah v'~chas~d'~cha am zu ga~al~ta
(in your love, you lead the people you redeemed)
 
นาคีทา ฝ'คัส ด'คา อัมซู กาอัลทา
Na~chi~tah v'~chas~d~cha am zu ga~al~ca
(on your love, you lead the people you redeemed)
 
อาชีรา อาชีรา อาชีรา ... A~shi~ra, a~shi~ra, a-shi~ra...
(i will sing, i will sing, i will sing...)
อาจเกิดสิ่งอัศจรรย์.. นั้นอยู่ที่ใจ
มืดมนเท่าไหร่.. หากหวังยังมี (หากหวังยังมี)
ยิ่งใหญ่เกินใครคิดฝัน.. พันเท่าทวี (เพิ่มพูนทวี)
หากเพียงเรานี้ศรัทธาจริงใจ.. (แหละทันใด) ทุกสิ่งไม่เกินใจเรา..
บทเพลงแห่งศรัทธา..  When you believe 

Ost. The Prince of Egypt By Whitney Houston feat. Mariah Carey

Many nights we pray

With no proof anyone could hear
And our hearts a hopeful song
We barely understand
Now we are not afraid
Although we know there's much to fear
We were moving mountains long
Before we know we could

There can be miracles
When you believe
Though hope is frail
It's hard to kill
Who know what miracle
You can achieve
When you believe
Somehow you will
You will when you believe

In this time of fear
When prayer so often proves in vain
Hope seems like the summer birds
Too swiftly flown away
And now I am standing here
My heart's so full I can't explain
Seeking faith and speaking words
I never thought I'd say

There can be miracles
When you believe (When you believe)
Though hope is frail
It's hard to kill
Who know what miracle
You can achieve (You can achieve)
When you believe
Somehow you will
You will when you believe

They don't always happen when you ask
มันไม่ทุกครั้งหรอก ที่ปาฎิหาริย์จะเกิดขึ้นตามที่คุณขอ
And it's easy to give in to your fear
และมันง่ายที่จะยอมจำนนต่อความกลัวของคุณ
But when you're blinded by your pain
แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณมืดมนจากความเจ็บปวด
Can't see you way safe through the rain
ไม่สามารถมองเห็นทางรอด ท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ
Thought of a still resilient voice
เสียงเล็ก ๆ ที่ไม่จางหายจะกระซิบว่า
Says love is very near
รักนั้นจะอยู่เคียงข้างเธอ

There can be miracles (miracles)
When you believe (When you believe)
Though hope is frail
It's hard to kill
Who know what miracles
You can achieve (You can achieve)
When you believe
Somehow you will
You will when you believe
You will when you believe
You will when you believe
Just believe
You will when you believe

ที่มา
คุณธานี พูนสุวรรณ เป็นคนถอดความเนื้อเพลงและแต่งเพลงในภาคภาษาไทย
คนร้องเป็น Miriam  คือ  คุณเนตรนภา  หาญโรจนวุฒิ  หรือ ครูบี AF
คนที่ร้องเป็น Tzipporah  คือ  คุณจันทร์จิรา  นิ่มพิทักษ์พงศ์  หรือคุณจิ  อดีตนักร้อง CUBand
ชื่อเพลงนี้ในภาษาไทยมีหลายชื่อ เช่น "หากแม้นเธอได้อธิษฐาน", "(ทุกสิ่ง)ไม่เกินใจเรา"
ส่วนท่อนเสียงเด็กภาษาฮิบรูใน Movie Version Lyrics
จะลองหาเพื่อนที่เป็นคริสเตียนแปลให้อีกที

(พยายามแปลแล้ว แต่มันเน่ามาก - -")
เอาเป็นว่าเพลงนี้เป็นเพลงประกอบการ์ตูนที่ชอบที่สุดเลยก็ว่าได้
รองลงมาเป็นเพลง ไม่มีหนทาง - เบน ชลาทิศ หรือ No Way Out Ost.Brother Bear
และเพลง เงา - อัยย์ (Reflection Ost.Mulan) ซึ่งพอไปหาข้อมูลดูก็เป็นฝีมือของคุณธานี *0*
หมายเหตุ The Prince of Egypt ของ Dreamwork นะจ๊ะ ส่วน 2 เรื่องหลังเป็นของ Disney
 
 เวลาเกิดปัญหา เราชอบฟังเพลงนี้ มีความรู้สึกเหมือนว่า
ในความมืด จะมีแสงสว่างอยู่เสมอ ทุกปัญหามีทางออก
ถ้าเรายังมีความหวัง . . . ศรัทธาและเชื่อใจ
Source. http://zaryaza.exteen.com/20080623/when-you-believe

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

คุณไม่ควรทนอยู่กับคนที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกห่อเหี่ยวเหมือนถูกสูบพลังงานชีวิต

ถ้าคุยกันแบบนี้แต่แรก คงไม่ต้องแยกทาง

โดย Dr. POP 25 พ.ย. 2558 08:05
ที่มา http://www.thairath.co.th/content/541643
“เขาทำผิดบ่อยขนาดนี้จะรักเขาต่อไปดีไหม?”
นั่นคือสิ่งที่ผมเคยถามตัวเอง
“เอาน่า ให้โอกาสสักหน่อย” และผมก็เคยตอบตัวเองแบบนั้นเช่นกัน
จากนั้นมันก็นำไปสู่การคุยเปิดใจ
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” เขาบอก
“ไม่เป็นไร เราเข้าใจ” ผมยิ้มอย่างคนโลกสวย “เราเชื่อว่าเธอจะไม่ผิดอีก”
แต่แล้ว เขาก็ผิดอีก
“ขอโทษ ฉันจะปรับปรุง” เขาบอก
“โอเค ไม่เป็นไรนะ” ผมยังอดทน
แต่เขาก็ผิดอีก
คนบางคนทำผิดอย่างก็ไม่เคยมีคำว่า “ครั้งสุดท้าย” เหมือนดูละครย้อนหลังที่ฉายซ้ำเรื่อยไป ผมเชื่อว่าคุณเคยเจอสถานการณ์แบบนี้ ถ้าจะแนะนำแบบคนสุขภาพจิตดี ผมคงบอกคุณว่า “ใจเย็น ให้อภัยเขาเถอะ”
ใช่ การอภัยมันดี แต่คนเราสมควรจะได้รับอภัย ต่อเมื่อ เขาสำนึกในการให้อภัยเท่านั้น
ถ้าเขาขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่คุณรัก ไม่ว่าจะฐานะ พี่น้อง ครอบครัว เพื่อน หรือแฟน คุณควรจะเปิดใจพูดกันตรงๆ ด้วยภาษาดีๆ เพราะถ้าคุณยังกั๊กความรู้สึกไว้คนเดียว มันจะสร้างกำแพงของความสัมพันธ์ที่ผลักดันให้คุณทั้งสองฝ่ายห่างกันไปมากขึ้น
เคยไหมที่ไม่พอใจคนที่เรารักมากๆ แต่เก็บไว้แล้วมองหน้ากันไม่ติด?
เคยไหมที่ความไม่พอใจนั้นนำไปสู่การแตกหักจนต้องแยกทาง?
นั่นเพราะต่างฝ่ายต่างทำสงครามเงียบ เก็บตะกอนความกดดันสุมใจจนมันกลายเป็นภูเขาไฟ การเป็นคนดีไม่ได้แปลว่าคุณไม่มีสิทธิพูดอะไร การจริงใจกับความรู้สึกตัวเองต่างหากที่จะเป็นประโยชน์กับความสัมพันธ์
คำถามคือ ถ้าเราไม่พอใจคนที่เรารักจะเริ่มต้นยังไงให้การสนทนาลงเอยด้วยดี?
นี่คือ 5 วิธีเด็ดที่ผมได้จากการอ่านหนังสือเรื่อง “พูดอย่างไรไม่ให้พัง” (​Crucial Coversation) ผมใช้วิธีนี้รักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนพี่น้องดีๆ (ย้ำว่า ดีๆ) ได้อย่างแน่นแฟ้น
วิธีนี้มีชื่อว่า STATE (อ่านว่า สเตท)
1. S (Share your facts) = เผยความจริงอย่างตรงไปตรงมา
2. T (Tell your story) = เล่าเรื่องเราคิด
3. A (Ask for other’s paths) = ถามความคิดเห็นฝ่าย
4. T (Talk tentatively) = บอกความรู้สึกแบบไม่ฟันธง
5. E (Encourage testing) = ชวนให้ตรวจสอบ
จำให้ง่าย ๆ คือ Share, Tell, Ask, Talk, Encourage หรือ เผย เล่า ถาม บอก ชวน
สมมติคนที่คุณรักซึ่งเคยคุยกับคุณทุกวันจู่ๆ ก็หายหัวไป การไปเปิดฉากวีนแตกโต้งๆ ว่า “หายไปเลยนะ ไม่แคร์กันแล้วใช่ไหม?” ไม่ได้ทำให้คุณดูดี ทั้งยังสร้างความรำคาญ อึดอัด และต่อต้าน หากเกิดความไม่พอใจ คุณควรเริ่มต้นที่ทำให้ตัวเองมีสติ และคิดถึงผลดีๆ ที่ต้องการเสียก่อน ถ้าอารมณ์ร้อน รอให้เย็นลงก่อนค่อยพูด
ถ้าลองใช้วิธี STATE ดูบทสนทนาจะเป็นแบบนี้
“เมื่อก่อนเราคุยกันทุกวันเลยนะ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าเธอหายไปเลย (Share เผย) เราเลยคิดว่าเธออาจจะมีอะไรอึดอัดใจหรือไม่พอใจเรา (Tell เล่า​) เธอคิดว่ายังไง? (Ask ถาม) เราคิดถูกไหม? (Talk บอก)”
สังเกตว่าวิธีนี้มีการถามความเห็นอีกฝ่ายขณะที่คุณก็ไม่ได้แน่ใจว่าคุณชัวร์ ทำให้การสนทนานิ่มนวล และได้คำตอบที่เป็นจริง นั่นเพราะเรามักอยากสนทนากับคนที่ไม่ได้หาเรื่องเรา บางทีเขาอาจตอบว่า “ฉันมีเรื่องบางอย่างไม่สบายใจเกี่ยวกับคุณ” คุณก็ต้องเปิดใจกันดีๆ หรือบางทีมันอาจเป็นคำตอบว่า “ผมมือถือหาย” ก็ได้ คุณไม่ได้รู้ทุกอย่างนี่จริงไหม?
และสุดท้ายเมื่อเคลียร์กันเสร็จอย่าลืมชวนให้ตรวจสอบหาทางออก (Encourage ชวน)
เช่น “จากนี้คุณจะทำยังไง?” เพื่อให้เขาได้แสดงการ “ตกปากรับคำ” และ “สัญญา” ด้วยตัวเขาเอง ให้เขาเลือกทางออกเอง อย่าบังคับเขา การยัดเยียดสิ่งที่คุณต้องการมันไม่ได้ทำให้เขาอยากทำหรอก และถ้าเขาจริงใจกับคุณจริง ผมเชื่อว่าเขาจะยินดี “ขอโทษจากใจ” นั่นแหละคนที่คุณคู่ควรจะให้อภัย คนที่ควรจะสานสัมพันธ์


คำถามคือ “แล้วจะทำยังไง หากคนที่เรารักทำผิดซ้ำๆ ซากๆ” ?
มันจะมีคนประเภทหนึ่งที่ต่อให้คุณให้อภัยแค่ไหนเขาก็ไม่เคยดีขึ้น เขายังคงทำสิ่งที่คุณไม่ชอบไม่พอใจทั้งที่เขารู้เสมอ คนที่กลับตัวได้ไม่นานแล้วก็ผิดพลาดหลายต่อหลายครั้ง ผมเคยเจอหลายคนที่เป็นแบบนี้
ถ้าเขาไม่ใช่พ่อแม่พี่น้องร่วมสายเลือดกับคุณ สิ่งที่ผมแนะนำคือ “เลิก!!”
คุณไม่ควรทนอยู่กับคนที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกห่อเหี่ยวเหมือนถูกสูบพลังงานชีวิต อย่าจมปลักกับคนที่ทำให้คุณวิตก กังวลและรอคอย คุณไม่ใช่แม่นาคนะ ไม่ต้องถ่างตารอใครที่ท่าน้ำ คุณมีปัญหาขึ้นเรือออกไปเลือกคนดีๆ ได้ ต่อให้คุณจะรักเขาแค่ไหน แต่ถ้าเขายังจงใจทำผิดทั้งที่รู้สึกว่ามันจะทำให้คุณทุกข์ คุณต้องรีบสลัดเขาทิ้งไป อวัยวะคุณกับเขาไม่ได้ผูกติดกัน ไม่มีเขา คุณยังขับถ่ายได้ ยังหายใจได้ ไม่ตายหรอก และการที่คุณกับเขาไปด้วยกันไม่ได้ มันไม่ได้แปลว่าคุณผิด มันไม่แปลว่าเขาผิดด้วย มันก็แค่คนสองคนไปกันไม่ได้ ต่างฝ่ายต่างไปทางใหม่ไปเจอคนใหม่ไปมีอนาคตใหม่ๆ เถอะ ดีกว่าดันทุรังคลานบนทางที่ปูด้วยหนามแทงใจทุกวัน
“หากมีปัญหากับคนที่คุณรัก จงคุยกันดีๆ ด้วยความรัก เพื่อให้อภัย แล้วกลับมารักกัน
แต่หากคุณให้อภัยซ้ำๆ แล้วเขาไม่ดีขึ้น จงกล้าจะทิ้งเขา
คุณเกิดมาเพื่อคนที่เห็นคุณค่าในตัวคุณอย่างแท้จริงเท่านั้น”
Dr.Pop Facebook : www.facebook.com/drpopworld
Dr.Pop Twitter : @drpoppop
Ig, Line : @drpoppop

Dr. POP

วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

6 วิธีง่าย ๆ ที่จะทำให้ลืมรักครั้งแรก...



 ความรักครั้งแรกมักจะฝังลึกลงไปในก้นบึ้งของหัวใจ บางคนสมหวังกับความรักครั้งแรก แต่บางคนก็ต้องเจ็บช้ำหนักแทบปางตาย โดยเฉพาะสำหรับสาว ๆ การที่บอกให้ลืมรักครั้งแรกมันช่างยากยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งปวง แต่จะทำอย่างไรให้ลืมรักครั้งแรกให้ได้ มาดู 6 วิธีที่จะกำจัดความทรงจำที่แสนเจ็บปวดในรักครั้งแรกให้หลุดออกไปจากทั้งหัวใจ จากเว็บไซต์ Magforwomen คนที่ยังไม่สามารถลืมรักครั้งแรกได้มาดูกันค่ะว่าต้องทำอย่างไร

   1. กำจัดทุกสิ่งที่จะทำให้นึกถึงเขา

          ในช่วงเวลาที่รักกันก็มักจะมีสิ่งของมอบให้กัน ส่งข้อความดี ๆ หวาน ๆ ให้กันตลอด แต่พอทางเดินแห่งรักต้องมาสะดุดลง สิ่งเหล่านี้กลับเป็นสิ่งที่ตอกย้ำให้ใจเจ็บช้ำอย่างไม่มีวันหาย แล้วจะทำอย่างไรให้ความเจ็บปวดเหล่านี้บรรเทาลง ก็ต้องกำจัดมันออกไป เริ่มจากลบข้อความในไลน์ ในกล่องข้อความเฟซบุ๊ก ข้อความในโทรศัพท์หรืออีเมล ตามด้วยการเก็บสิ่งของต่าง ๆ เช่น รูป แหวน สร้อยคอ ตุ๊กตา ฯลฯ ลงกล่องแล้วยัดใส่เข้าห้องเก็บของไปให้พ้นหูพ้นตา เมื่อไม่มีสิ่งเหล่านี้มาคอยสะกิดความทรงจำ แผลในใจก็จะค่อย ๆ หายเป็นปกติ

  2. หยุดติดตามเฟซบุ๊ก

          ปัจจุบันเฟซบุ๊กเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์กที่มีช่องทางการสื่อสารที่รวดเร็ว ง่ายดาย และสะท้อนตัวตนของผู้ใช้งานได้มากที่สุด ไม่ว่าจะทำอะไร คิดอะไร ไปที่ไหน อยู่กับใคร เราก็มักที่จะแชร์สิ่งเหล่านี้ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว เราจึงสามารถติดตามชีวิตของเพื่อน รวมไปถึงอดีตคนรักได้อย่างสม่ำเสมอ เมื่อยังตัดใจไม่ได้ก็มักเข้าไปสอดส่องในเฟซบุ๊กของฝ่ายชายว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไร ใช้ชีวิตอย่างไร ไปไหนมาไหนกับแฟนหรือเปล่า ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้เราลืมเขาได้ยากมากยิ่งขึ้น ถ้าไม่อยากเจ็บปวดอย่างไม่มีวันหาย สิ่งที่ทำได้ง่ายมาก ๆ ก็คือเลิกสนใจ เลิกติดตามฝ่ายชายในโลกโซเชียลก็จะช่วยลบเลือนเขาไปได้ทีละน้อย

  3. อ่านหนังสือที่ให้แรงบันดาลใจเกี่ยวกับความรัก

          หลังจากการอกหักกับรักครั้งแรก หลายคนมักจะหมดสิ้นความหวัง ไม่อยากจะทำอะไรต่อทั้งนั้น มันเป็นช่วงเวลาที่แย่มาก ๆ แต่เราจะต้องผ่านมันไปให้ได้ ซึ่งมีอีกหลายร้อยล้านคนที่ต้องเจอการอกหัก และเขาก็สามารถผ่านมันมาได้ ซึ่งบางคนได้เขียนประสบการณ์ของตัวเองเพื่อเป็นแนวทางให้กับคนที่ยังอ่อนแอกับความรัก ลองอ่านเรื่องราวของพวกเขามันจะเป็นกำลังใจที่ดีและแรงผลักดันที่มีพลังอย่างมาก แล้วคุณจะลืมผู้ชายในอดีตไปได้อย่างง่ายดาย

   4. ตั้งเป้าหมายของชีวิตใหม่

          สิ่งที่จะทำให้เราลืมอดีตได้ดีก็คือการมองไปข้างหน้า ตั้งเป้าหมายของตัวเองว่าต้องการจะทำอะไรในอนาคตเสียใหม่ วางแผนใหม่ เปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิต ไม่หันกลับไปมองข้างหลัง แล้วการเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ จะทำให้คุณยุ่งจนไม่มีเวลามานั่งคิดถึงเรื่องในอดีต นอกจากจะลืมความรักครั้งแรกไปได้แล้ว ยังได้ชีวิตใหม่ที่สดใสกว่าเดิมมาอีกด้วย

  5. ไปเที่ยวกับเพื่อนมากขึ้น

          ช่วงที่มีแฟนก็มักจะไปเที่ยว ไปกินข้าว ไปไหนมาไหนกับแฟน จนแทบไม่ได้ไปสังสรรค์กับเพื่อน แต่หลังจากเลิกรากับแฟนไปแล้ว คิดในแง่ดีว่าเรามีอิสระมากขึ้น จะไปเที่ยวที่ไหน ทำอะไร กับใครก็ได้ โดยเฉพาะเพื่อน ๆ ออกไปทานข้าว ไปร้านนั่งชิล หรือออกไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน ก็จะทำให้เราหัวเราะ ยิ้มได้มากขึ้น จนลืมไปเลยว่าเคยมีแฟน

   6. จำแต่ความทรงจำที่ดี

          ไม่ว่าผู้หญิงจะโดนฝ่ายชายทิ้งด้วยเหตุผลใด มันก็เป็นฝันร้ายที่ยากจะลืมเลือนอยู่ดี เพราะฉะนั้นแทนที่จะมานึกถึงสาเหตุที่เขาทำให้ช้ำใจ เราลองกลับมามองอีกด้าน นึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่ดีที่มีร่วมกัน เชื่อเถอะว่าช่วงวินาทีแรกมันจะทำให้คุณยิ้มขึ้นมาก่อนเสมอ แล้วทำไมไม่ทำให้ตัวเองยิ้มได้ตลอดไปล่ะ การที่นึกถึงแต่สิ่งที่ดี ๆ มันจะทำให้จิตใจของเราเบิกบานมากยิ่งขึ้น แล้วความเศร้า ความเจ็บปวด หรือแม้แต่กระทั่งความเจ็บแค้นในใจมันก็จะเลือนหาย เราอาจจะไม่ได้แฟนกลับมา แต่ได้เพื่อนที่ดีที่สุดกลับมาก็เป็นได้ และนั่นจะเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้เราเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้อย่างดี

          ความรักเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก บางคู่จบเส้นทางความรักอย่างสวยงาม แต่บางคู่ต้องจบลงด้วยน้ำตาและความเจ็บปวด ซึ่งมันมีเหตุผลของการที่ต้องปิดฉากความรักลงหลากหลาย แต่ละคู่ก็มีเหตุผลที่แตกต่างกันไป ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำตามวิธีที่บอกนี้แล้วได้ผล เพราะฉะนั้นนำสิ่งเหล่านี้ไปเป็นแนวทาง หรือปรับใช้กับเรื่องราวของความรักของคุณให้ได้มากที่สุด แล้วกลับมาเข้มแข็ง ยิ้มให้กับโลกใบนี้อีกครั้งอย่างสดใส เรารู้คุณทำได้

http://wedding.kapook.com/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81-121951.html

วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

10 ทักษะยากที่จะเรียนรู้ แต่คุ้มค่าที่คุณจะใช้ตลอดชีวิต


10 ทักษะยากที่จะเรียนรู้ แต่คุ้มค่าที่คุณจะใช้ตลอดชีวิต

http://www.leaderwingshub.com/article/10-skills-hard-to-learn/


สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตคนเรานั่นก็คือ … อิสรภาพ แต่การได้มาซึ่งอิสรภาพแล้วคุณนั่งๆนอนๆ เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมไร้พลัง ท้อแท้ สิ้นหวัง หมดกำลังใจ ไม่มีเป้าหมายชีวิต …เขาเรียกว่า ซอมบี้ที่ยังมีลมหายใจ
ถ้าคุณกำลังเป็นแบบนี้ …หรือกำลังเฉียดเข้าไปใกล้คำนี้ ผมว่าถึงเวลาที่คุณต้องเพิ่มทักษะที่จำเป็นในการใช้ชีวิต ในการทำงาน หรือการเริ่มต้นธุรกิจเพื่อสร้างรายได้สำรองเป็นกระเป๋าเงินใบที่สอง เป็นโซฟานุ่มๆรองรับคุณในยามจำเป็นของชีวิต

10 ทักษะยากที่จะเรียนรู้ แต่คุ้มค่าที่คุณจะใช้ตลอดชีวิต


1.จัดการเวลา ก่อนเวลาจัดการเรา

ตั้งแต่เกิดจนตาย ชีวิตเราผูกพันกับเวลา เรียกได้ว่า …เวลาเป็นสิ่งจำเป็นในการใช้ชีวิตในแต่ละวันเลยก็ว่าได้ เวลาเป็นตัวกำหนดทุกอย่างในชีวิต เริ่มตั้งแต่ – ตื่นนอน เดินทางไปทำงาน ตอกบัตรเข้างาน นั่งทำงาน ส่งงาน พักทานข้าวกลางวัน นำเสนองาน ประชุมงาน เลิกงาน กลับบ้าน เจอหน้าครอบครัว เล่นกับลูก อาบน้ำ ดูทีวี ทานข้าวเย็น เล่นหุ้น อ่านหนังสือ นอน
— ทุกกิจกรรมล้วนมีคำว่า “เวลา” นำหน้าเสมอ —
ทักษะแรกที่สำคัญและสามารถสร้างมูลค่าสูงที่สุดถ้าคุณทำได้นั่นก็คือ …”ทักษะการบริหารจัดการเวลา”  — แต่สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับการบริหารจัดการเวลาก็คือ “การทำตามแผน” บางคนรู้ว่าเวลาสำคัญ เวลาเป็นตัวกำหนดความสำเร็จ แต่คนส่วนใหญ่วางแผนแล้วไม่ได้ดู ดูแล้วไม่ได้ทำ ทำแล้วไม่ต่อเนื่อง วันนี้ผมมีตัวช่วยเพื่อให้คุณบริหารจัดการเวลาได้ง่ายยิ่งขึ้น…
10 วิธี จัดการตัวเขมือบเวลาของคุณ
1. ตั้งเป้าหมาย สะสางงานทันที อย่ามัวจดๆจ้องๆ ลูกค้า หัวหน้า รออยู่ ให้ไว
2. จัดโต๊ะทำงาน เก็บข้าวของให้เป็นระเบียบ หยิบจับใช้สอยได้ง่าย
3. Social Media , อีเมล , สร้างแลนด์มาร์ค กำหนดเวลาเล่น ติดตาม โต้ตอบข้อมูล
4. อย่าเช็คมือถือบ่อย อย่าขี้สงสัย ทำไมวันนี้เงียบจัง แบตหมดรึเปล่า ดูหน่อยดีกว่า
5. ใช้ Post it ใช้แอพพลิเคชั่นช่วย เตือนความจำในการทำงาน นัดหมายลูกค้า
6. เม้าท์มอย ซื้อเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าให้น้อยลง หาเงินให้เยอะขึ้น เว้นแต่เม้าท์แล้วเงินเพิ่ม
7. ออกกำลังกายลดน้ำหนัก เพราะความอ้วนทำให้คุณขี้เกียจขึ้น 20 % แต่ส่งผล 80 %
8. ตื่นเช้าขึ้นอีกนิด ไปถึงที่ทำงานเร็วอีกหน่อย ตั้งเวลาล่วงหน้าไว้ก่อน ดีกว่าไปถึงแบบฉิวเฉียด
9. ตั้งใจทำอะไร ให้ปิดหู เปิดตา พุ่งไปข้างหน้า อย่าเสียเวลาฟังคนที่ต้องการหักปีก ดับฝันคุณ
10. เขียน To Do List ก่อนนอน 3 ข้อสำคัญ ที่ต้องทำวันพรุ่งนี้ ทำได้ครบให้รางวัลตัวเอง
สูตร  8 : 8 : 8 = 24 ชั่วโมงใน 1 วัน
  • 8 ชั่วโมงแรก สำหรับการพักผ่อน นอนหลับ (Relax)
  • 8 ชั่วโมงที่สอง สำหรับการทำงาน เรียน เข้าสังคม เดินทาง (Work)
  • 8 ชั่วโมงที่สาม สำหรับการพัฒนาทักษะการเป็นนายตัวเอง – หารายได้ทางที่ 2 (Entrepreneur)
(ภาระหน้าที่ของคนเราไม่เหมือนกัน คุณสามารถยืดหยุ่นเวลาได้ตามความเหมาะสม
สิ่งสำคัญคือ …คุณต้องมีความสุขขึ้น เก่งขึ้น พัฒนาขึ้น รายได้มากขึ้น)
4 วิธี ลำดับความสำคัญของงาน
1. สำคัญเร่งด่วน = ทำทันที ณ บัด Now ไม่ทำกรูตาย !!!
เช่น ป่วยหนัก รถน้ำมันหมด เดินตกท่อ ไฟไหม้ หนีน้ำท่วม ส่งงานวันสุดท้าย จมน้ำ กระเป๋าตังค์หาย
2. สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน = วางแผนทำล่วงหน้าได้ ไม่ต้องทำตอนนี้
เช่น มีคิวอบรมสัมมนาอาทิตย์หน้า นัดหมอขูดหินปูน มีคิวตรวจสุขภาพประจำปี จองคิวเอารถไปเช็คศูนย์
3. ไม่สำคัญแต่เร่งด่วน = ทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ เอาตามที่พี่สบายใจแล้วกัน
เช่น มีคนโทรมาขายประกันจะรับหรือไม่รับ เพื่อนนัดไปทานข้าวเย็นนี้จะไปหรือไม่ไป ฝรั่งถามทางจะบอกทางหรือจะยิ้มสยาม ใช้คูปองส่วนลดหรือไม่ใช้ จะซื้อมือถือใหม่ดีหรือไม่ดี
4. ไม่สำคัญไม่เร่งด่วน = ใจสั่งมา จัดไป
เช่น นอนเล่น ดูทีวี อ่านหนังสือพิมพ์ เล่นเกมเศรษฐี เม้าท์มอยกับเพื่อน ออกไปช้อปปิ้ง รดน้ำต้นไม้ กินขนม 7-11 ขี่รถเล่น

2.เอาใจใส่ผู้อื่น

การเอาใจใส่ผู้อื่น …เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่เป็นทักษะที่คุณควรเรียนรู้และให้ความสำคัญ คนส่วนใหญ่เอาใจใส่แต่ตัวเอง บางคนเอาใจใส่ตัวเองมากเกินไป จนถูกมองว่า …เป็นคนเห็นแก่ตัว การเอาใจใส่แบบพอดี – ถือเป็นเรื่องที่ดีและเป็นยาบำรุงหัวใจของทุกคน…
  • เอาใจใส่ธุรกิจ …ธุรกิจคุณก็เจริญก้าวหน้า
  • เอาใจใส่ลูกค้า …สินค้าคุณก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
  • เอาใจใส่ทีมงาน …ทีมงานคุณก็มีแรงจูงใจ มีไฟในการทำงานมากขึ้น
  • เอาใจใส่ครอบครัว …ครอบครัวก็แฮปปี้ มีความสุขมากขึ้น
  • เอาใจใส่ตัวเอง …คุณก็ดูดีขึ้น สวยขึ้นหล่อขึ้น ฟิตแอนด์เฟิร์ม
  • เอาใจใส่เพื่อนร่วมงาน …การทำงานเข้าขากันมากขึ้น งานลื่นขึ้น คล่องตัวยิ่งขึ้น
  • เอาใจใส่สามี …สามีก็คิดว่า ภรรยาเราน่ารักที่สุดในโลก
  • เอาใจใส่ภรรยา …ภรรยาก็คิดว่า สามีดีแบบนี้ ยิ่งกว่าถูกรางวัลที่ 1

3.ชาร์จแบตชีวิต

หลายคนเก่งงาน แต่ไม่เก่งนอน แปลกแต่จริง …สาเหตุเป็นเพราะคุณยังคิดถึงเรื่องงานของวันพรุ่งนี้ งานวันนี้ก็ยังไม่เสร็จ พรุ่งนี้จะเจออะไรอีก เครียด คิดมาก กลุ้มใจ งานยังวนเวียนอยู่ในหัวเหมือนคอมพิวเตอร์ฉายหนังวนซ้ำ 1 รอบ 2 รอบ 3 รอบ ตลอดทั้งคืน
อาการแบบนี้เรียก “ตาหลับสมองตื่น” ตื่นเช้ามาคุณเลยรู้สึกว่า ไม่สดชื่น อ่อนเพลีย เหมือนไม่ได้นอนทั้งคืน ทั้งที่หลับทั้งคืน
สิ่งที่ยากที่สุดของการนอน คือการไม่ได้นอนตามเวลาที่ควรจะนอน  คุณควรเรียนรู้ทักษะการนอน เพื่อการพักผ่อนที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณหลับง่ายขึ้น หลับลึกขึ้น ตื่นมาพร้อมกับเช้าวันใหม่ที่สดใส
ทางแก้คือ …คุณต้อง …“สร้างกิจกรรมก่อนนอน” ตัวอย่างเช่น…
1. อ่านหนังสือก่อนนอน 1 ชั่วโมง
2. นั่งสมาธิ สวดมนต์ไหว้พระ ก่อนนอน 30 นาที
3. นอนฟังเพลงบรรเลงเบาๆ เปิดแอร์เย็นๆ
4. หาหมอนข้างมานอนกอด หมอนคนก็ได้ ถ้าคุณหาได้
5. ดูทีวี ดูหนังตลก ก่อนนอน ผ่อนคลายสมอง
6. สำรวจดูว่า หมอนแข็งไป นุ่มไป ถึงเวลาเปลี่ยนใหม่แล้วรึยัง
7. ออกกำลังกายก่อนนอน (วิธีนี้ …หลับดีนักแล)
ถ้า 7 วิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล …คุณต้องเรียนรู้ทักษะ “การสับสวิทช์สมอง” คือ …ล้มตัวลง หัวถึงหมอนปุ๊บ ปิดสวิทช์เรื่องงานทันที หยุดคิด หยุดสนใจ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ (กรณีนี้อาจจะใช้ไม่ได้ผล กับงานที่ต้องส่งพรุ่งนี้แล้วคืนนี้ยังไม่เสร็จ) …คุณอาจจะบอกว่า พูดง่ายแต่ทำยาก แต่เชื่อเถอะผมทำมาแล้ว มันได้ผล คุณลองทำดูนะครับ

4.เปล่งวาจาประกาศิตบวก

ไม่สำคัญว่า คนอื่นคิดยังไงกับคุณ มันสำคัญที่ว่า “คุณคิดยังไงกับตัวเอง” คำพูดของคุณเป็นดั่งคำอวยพรจากสวรรค์ …กฎแรงดึงดูดจะทำงานทันทีที่คุณพูด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี
  • พูดลบ ดึงดูดพลังลบ เรื่องเลวร้าย คนไม่ดี ซวยซ้ำซวยซ้อน เข้ามาในชีวิต
  • พูดบวก ดึงดูดพลังบวก เรื่องดีๆ คนดีๆ โอกาสดีๆ เงินดีๆ งานดีๆ เข้ามาในชีวิต
ต่อไปนี้ …ตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอน คุณต้องพูดเชิงบวกกับตัวเองเสมอ …ทักษะการพูดเชิงบวกเป็นทักษะจำเป็นที่คุณสามารถปรับใช้ได้ตลอดชีวิต อาจจะมีบางวันที่หลุดบ้าง ลืมบ้างไม่เป็นไร แต่เมื่อเราตั้งสติได้ ให้พูดบวกกับตัวเองทันที …ผลลัพธ์คือ …คุณจะดึงดูดโอกาสดีๆ งานดีๆ คนดีๆ เข้ามาในชีวิตมากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญคุณต้องสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง แล้วความมั่นใจจะดึงดูดความสำเร็จมาหาคุณ
ตัวอย่างการพูด Positive self-talk โค้ชสิริลักษณ์ ตันศิริ – นักสร้างแรงบันดาลใจหญิงคนแรกของเมืองไทย
  • ฉันมีสมองเงินล้าน
  • ฉันเห็นโอกาสทำเงิน ทุกหนทุกแห่ง
  • ที่ไหนมีปัญหาที่นั่นมีเงิน
  • ฉันคือสุดยอดนักขาย
  • ฉันคือนักการตลาดที่เก่งที่สุด
  • ลูกค้าและเงินทองหลั่งไหลมาหาฉันมากมายและง่ายดาย
  • ฉันร่ำรวย มั่งคั่ง เกินใจใฝ่ฝัน
  • ฉันมีอิสรภาพทางการเงินและเวลา
  • ฉันมีความสุขกับชีวิตทุกวัน
  • ฉันรักตัวเอง ฉันรักตัวเอง ฉันรักตัวเอง
(เทคนิคนี้คุณควรพูดดังๆ พูดทุกวัน พูดด้วยความมั่นใจ เชื่อว่ามันเป็นไปได้ เมื่อคุณเชื่อมากพอ ผลลัพธ์จะปรากฏ)

 5.ความต่อเนื่อง 

ไม่ว่าคุณจะลงมือทำอะไรก็ตาม …ขี่จักรยาน ออกกำลังกาย ชกมวย เรียนทำเค้ก โยคะ ฝึกภาษาอังกฤษ สิ่งที่จะเป็นตัวตัดสินว่า คุณจะสำเร็จหรือล้มเหลวนั่นก็คือ “ความต่อเนื่อง”
กฎ 10,000 ชั่วโมง บอกไว้ว่า…
ถ้าคุณอยู่กับสิ่งไหนได้นานถึง 10,000 ชั่วโมง คุณจะเป็น กูรู ผู้เชี่ยวชาญ
แต่ในความเป็นจริง ยุคนี้ผู้คนเร่งรีบ หาเงิน ทำงาน แข่งขันกัน
ไม่มีเวลามากขนาดที่มานั่งฝึกให้ตัวเองเก่งระดับกูรูขนาดนั้น
ผมขอแนะนำ …กฎ 30 นาที ต่อวัน
คุณจะฝึกฝน เรียนรู้ หรือพัฒนาเรื่องใดก็ตาม ขอแค่คุณใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด แค่วันละไม่เกิน 30 นาทีต่อวัน …เมื่อคุณผ่าน 30 นาทีแรกไปได้ ถ้าคุณรู้สึกสนุก มีความสุขกับสิ่งที่ทำ คุณก็ต่ออีก 30 นาที …ผมใช้กฎ 30 นาที ‘กินทีละคำ ทำทีละอย่าง’ มันได้ผลเสมอ สะสมชั่วโมงบินไปเรื่อยๆ แม้คุณไม่ได้เป็นนักบิน แต่คุณจะบินไปให้ถึงฝั่งฝันให้ได้ ถ้าความฝันนั้นมันใหญ่พอที่คุณจะฝัน
อย่าลืม …กฎ 30 นาทีแรก จัดไป !!!

6.ขอความช่วยเหลือ

มีใครสงสัยอะไรไหม เกี่ยวกับเรื่องที่สอนไป ? …ทั้งห้องเงียบกริบ ถ้าไม่มีใครสงสัยอะไรครูจะให้ทำข้อสอบนะ !! …ผมนึกถึงสมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้วเด็กไทยสมัยก่อน น้อยคนจะกล้าถามในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ หรือไม่เข้าใจ กลัวถูกมองว่าโง่ อายเพื่อน กลัวเป็นตัวประหลาด แตกต่างจากนักศึกษาต่างประเทศ เขาจะกล้าถาม กล้าโต้ตอบกับอาจารย์ที่สอน เหตุผลคือ…
เพื่อคลายปมปัญหาที่สงสัย และไม่ต้องการเป็นคนที่เข้าใจอะไรผิดๆไปชั่วชีวิต รวมถึงการพิสูจน์ว่าอาจารย์คนนี้เจ๋งจริงที่จะเป็นอาจารย์ของเขาหรือไม่ หรืออีกนัยหนึ่งคือการมีความคิดที่แตกต่างจากอาจารย์ผู้สอน และค้นคว้าหาคำตอบนั้นด้วยตนเอง และพบว่าสิ่งที่ตัวเองคิดมันถูกต้อง
ทักษะนี้ผมกำลังจะบอกคุณว่า ถ้าคุณสงสัยหรือไม่เข้าใจเรื่องอะไร ยกมือถามไปเลยครับ ถามผู้รู้ ถามอาจารย์ ถามคนที่เขามีประสบการณ์ (ขอความช่วยเหลือจากเขาเลย) ไม่ต้องกลัวว่าจะกลายเป็นคนโง่
เพราะถ้าคุณไม่รู้ แล้วเอาไปทำแบบผิดๆ ผลคือ …“เสียหายหนักกว่าเดิม หรือทำให้คุณ เสียเวลา”
แต่คุณต้องเรียนรู้ศิลปะในการถาม ไม่ใช่คุณไปสัมมนาขายของออนไลน์ เรียนจบ เดินดุ่มๆเข้าไปถามว่า …อาจารย์ครับ! ผมจะขายอะไรดีครับ แล้วใครจะไปรู้กับคุณ จริงไหม ??? คุณควรถามว่า …อาจารย์ครับ ผมจะขายเจลฟอกฟันขาว ผมมีงบเริ่มต้นเท่านี้ ตลาดเป็นแบบนี้ คู่แข่งเป็นแบบนี้ ขอคำแนะนำจากอาจารย์ด้วยครับ แบบนี้ค่อยดูเป็นคนมีความคิด น่าให้คำปรึกษาขึ้นมาหน่อย…
“ฉลาดขอความช่วยเหลือแล้ว จงฉลาดถามด้วย”

7.รู้ว่าเมื่อไหร่ควรเงียบ เมื่อไหร่ควรพูด

เวลาใครนินทา หรือพูดให้ร้ายคุณ คุณไม่พอใจ ตวาดโวยวาย ส่งเสียงดังราวกับแม่ค้าปากตลาด ยอมไม่ได้เรื่องแบบนี้ ไม่เป็นความจริง เอาอะไรมาพูด ตบกันเลยดีกว่าพูดหมาๆแบบนี้ บลาๆๆ  …ผมพิมพ์เองยังอารมณ์ขึ้นเลย  แล้วถ้าคุณอยู่ในสถานการณ์จริงน่าจะอินมากกว่านี้แน่นอน…
คุณต้องเรียนรู้จังหวะไหนควรเงียบ จังหวะไหนควรพูด เพราะถ้าคุณหลุดพูดอะไรไม่ดีออกไป ส่งผลเสียทั้งภาพลักษณ์ ชื่อเสียง หน้าที่การงาน ระวังคลิปหลุดประจานไม่รู้ตัว แล้วคุณก็มานั่งเสียใจทีหลังว่า “ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ทำเลย”
การโต้ตอบที่ดีที่สุดคือ การเงียบ …เดี๋ยวนี้กระแส “ดราม่า” เกิดขึ้นได้ง่าย คุณไม่ควรเอาตัวเองเขาไปอยู่ในกระแสเหล่านั้น
ทางแก้คือ …จงพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น เก่งขึ้น ประสบความสำเร็จมากขึ้น นั่นเป็นวิธีโต้ตอบที่ยอดเยี่ยมที่สุด สุดท้ายมะเร็งร้ายสายพันธุ์อิจฉา ริษยา โกหก ตอแหลจะย้อนกลับไปฆ่าตัวเขาเอง ทักษะนี้เป็นทักษะที่ยากที่สุด ถ้าคุณทำได้มันจะมีมูลค่าสูงที่สุดเช่นกัน
“สงครามน้ำลาย ใครเงียบก่อนเป็นผู้ชนะเสมอ”

8.ฟัง ฟัง ฟัง

เมื่อไหร่ที่คุณหยุดพูด หูคุณจะฟังได้มากขึ้น …ทักษะการฟังจึงเป็นทักษะสำคัญนำมาซึ่งความสำเร็จในชีิวิต ยิ่งคุณฟังมากเท่าไหร่ คุณยิ่งจับใจความสำคัญได้มากเท่านั้น …การเป็นผู้ฟังที่ดี คุณควรสบตาผู้พูดเสมอ ไม่พูดแทรกหรือขัดจังหวะ ขณะที่ผู้พูด ยังพูดไม่จบ คุณควรฝึกฝนการจับประเด็น จับใจความสำคัญตามไปด้วย จะทำให้การฟังมีคุณค่ามากยิ่งขึ้้น…
ตัวอย่างเช่น…
  • ฟังลูกค้าพูด …ค้นพบ ความต้องการของลูกค้า
  • ฟังเจ้านายพูด …ค้นพบ จุดประสงค์ของเจ้านาย
  • ฟังลูกน้องพูด …ค้นพบ ความในใจของลูกน้อง
  • ฟังคนขายพูด …ค้นพบ ความต้องการของตัวเอง
  • ฟังภรรยาพูด …ค้นพบ ความรัก ความห่วงใย
  • ฟังตัวเองพูด …ค้นพบความชัดเจนในสิ่งที่ทำ
การฟังที่เข้าใจ คือ การตอบสนองความต้องการของผู้พูดได้อย่างถูกต้อง ตรงจุด ชัดเจน
เทคนิคอย่างหนึ่งก็คือ ฟังและพูดทวนซ้ำเพื่อทบทวนความเข้าใจกับคนที่คุณสื่อสารด้วย เพื่อให้การฟังมีประสิทธิภาพสูงสุด

9.ดูแลธุรกิจคุณให้ดี

ใครจะดูแลธุรกิจของคุณ ได้ดีกว่าตัวคุณเอง การเริ่มต้นธุรกิจในช่วงแรกอาจต้องใช้เวลาเรียนรู้ สร้างระบบ ลองผิดลองถูก คัดเลือกคนที่เหมาะสม ใช้เวลานานกว่าคุณจะขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินต่อไปได้ หลายครั้งผมเคยสัมภาษณ์พนักงาน แต่กลับพบว่า…
“เก่งสัมภาษณ์ แต่ทำงานไม่ได้เรื่อง แถมไม่ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ต่อลูกค้า ต่อองค์กร” เขาเหมาะจะทำงานที่อื่นมากกว่า การรับคนที่เป็นเชื้อโรคร้ายเข้ามาในองค์กรเหมือนเป็นไวรัสลามไปติดพนักงานคนอื่น ทำให้ผลงานออกมาแย่ ห่วย ไม่ได้เรื่อง สุดท้ายพากันลงเหว เพราะทุจริต ทำผิดกฎระเบียบขององค์กร โดยฟ้อง โดยจับ ไล่ออก เสียโอกาสทำงานไปก็หลายคน
เอาใจใส่ธุรกิจของคุณให้ดี โดยเฉพาะเรื่องเงิน ผมมีเพื่อนทำธุรกิจแล้วเจ๊ง ปิดกิจการไปหลายคน เพราะไว้ใจพนักงานที่ทำงานมานาน 5 ปี 10 ปี แต่โกงเงินบริษัทไปจนหมด จนต้องปิดกิจการ โดนฟ้องล้มละลาย ขายรถ ขายบ้าน ยังไม่พอใช้หนี้ จนต้องกลับไปทำงานประจำ
“ทำธุรกิจอย่าประมาทเรื่องเงิน เพราะเงินทำให้คนร้อนเงิน เปลี่ยนจากคนซื่อสัตย์เป็นคนร้าย คุณต้องระวัง !!”

10.ปรมาจารย์ความคิดของตัวคุณเอง

ความคิดทำให้เราแตกต่างจากสัตว์ มนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมกับศักยภาพที่พัฒนาได้ ทักษะนี้คุณต้องเรียนรู้การควบคุมความคิดของตัวคุณเอง …ก่อนที่มันจะควบคุมคุณ
ตัวอย่างเช่น…
คุณไปเที่ยวทะเลกับแฟน จองห้องพักล่วงหน้าเรียบร้อย พอไปถึงปรากฏห้องเต็ม ห้องที่จองไว้มีคนอื่นพักไปแล้ว คุณหงุดหงิด หัวเสีย โวยวาย ไม่พอใจพนักงาน ทั้งๆที่ผู้จัดการโรงแรมได้ออกมาขอโทษคุณแล้ว และยินดีที่จะเปิดห้องใหม่ให้คุณ แต่มีข้อแม้ว่า คุณต้องรออีก 1 ชั่วโมง คุณจะออกไปตลาดนัดข้างนอก รถโรงแรมก็ยังไม่มา คุณบอกกับแฟนว่าคอยดูนะ คราวหน้าจะไม่มาที่นี้อีก แฟนคุณได้แต่บอกให้คุณใจเย็นๆ พนักงานเดินมาเสิร์ฟน้ำส้ม แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้คุณใจเย็นลงได้ แถมคุณยังถ่ายคลิป แชร์ว่อนโซเชียลไปหมด พาดหัวข้อออกไปว่า …”โรงแรม 5 ดาวกับการบริการที่โคตรห่วยแตก”
Take แรก …คุณจะเห็นได้ว่า ความคิดมันกำลังควบคุมคุณ มันสั่งให้คุณโวยวาย หงุดหงิดไม่พอใจ ไม่ว่าใครจะทำอะไรให้มันดีขึ้น แต่คุณก็มองไม่เห็น เพราะคุณกำลังอารมณ์เสีย ไอ้เจ้าความคิดมันแอบกระหยิ่มยิ้มย่องคุณอยู่ในหัวว่า …คุณเสร็จมันอีกแล้ว อิอิ !!
Take สอง …คราวนี้ คุณได้เรียนรู้ทักษะการควบคุมความคิดของคุณแล้ว ผลลัพธ์จะเป็นยังไงเราไปดูกัน
Take สอง กล้องพร้อม ดินน้ำลมไฟพร้อม นักแสดงพร้อม Action !!
คุณลงจากเครื่องบินไปถึงโรงแรม ปรากฏว่าห้องเต็ม !! …แทนที่คุณจะทำเหมือน Take แรก คุณกลับเห็นถึงความใส่ใจของผู้จัดการ ออกมาขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่  ขอให้คุณให้โอกาสเขาได้ดูแลคุณโดยการ เปิดห้องใหม่ให้ และห้องจะพร้อมในอีก 1 ชั่วโมงคุณจึงพูดกับแฟนว่า เราไปเดินชายหาด ถ่ายรูปเล่นกันดีกว่าที่รัก ไหนๆก็มาถึงแล้ว แฟนคุณเห็นด้วย คุณกับแฟนเดินเล่นกันอย่างสนุกสนาน
มีความสุข นานๆจะได้ออกมาพักสมอง กินของอร่อย มาเที่ยวทะเล ดื่มด่ำความสุขจากธรรมชาติ ไม่นานก็มีพนักงานของโรงแรมเดินมาเสิร์ฟน้ำส้ม พร้อมกับบอกคุณว่า …”ห้องของคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงพร้อมแล้วคะ” …ความรู้สึกตอนนั้น มันเป็นอะไรที่วิเศษมาก …ทันทีที่เดินไปถึงห้องกลับพบว่า …ทางโรงแรมได้เปิดห้อง Sweet ให้คุณ หรูหรา ไฮโซ ระดับ VIP  พร้อมจดหมายบนโต๊ะว่า … “ขอให้คุณมีความสุขกับโรงแรมพาราไดซ์ของเรา”
คุณจะเห็นได้ว่า …ถ้าคุณมีทักษะในการเป็นเจ้านายความคิดของตัวคุณเอง มันเป็นทักษะที่ยอดเยี่ยมและมีมูลค่ามากแค่ไหน
จงเรียนรู้ ฝึกฝน 10 ทักษะยากที่จะเรียนรู้ แต่คุ้มค่าที่คุณจะใช้ตลอดชีวิต เพราะทักษะเหล่านี้เป็นทักษะสำคัญของผู้ที่ประสบความสำเร็จระดับโลก คุณก็สำเร็จได้ ความยากไม่มีอยู่จริง …”จงควบคุมความคิดของคุณ ก่อนที่มันจะควบคุมคุณแบบเบ็ดเสร็จ”

==================
บทความโดย…
พชร พูลเพิ่ม (ป๊อป)
Content Creator
Leader Wings Co., Ltd.
==================

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ปลายทางของความรัก


ปลายทางของความรัก...
ไม่ได้อยู่ที่ใคร ''ได้เป็นเจ้าของ'' ร่างกายใคร !!
แต่..อยู่ที่ใครจะได้เป็น ''คนสุดท้ายที่ได้อยู่ในหัวใจ'' ของเค้าตลอดไป !!

(^_^) ~ (^_^)

 

cr. Suban Kampaeng  on FB




วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ไม่มีใครเติมกำลังใจให้เราได้

ไม่มีใครเติมกำลังใจให้เราได้

เท่ากับการที่เราต่อเติมให้กับตนเอง
ในท่ามกลางความมืดมนของชีวิต

ก็ยังมีแสงสว่างเล็ดรอดออกมา
แม้เพียงรำไร ...


หากเรามัวแต่ก้มหน้า

ร้องไห้ฟูมฟายอยู่อย่างนั้น
แล้วจะเห็นแสงนั้นได้อย่างไรกัน

ขุมทรัพย์ที่มีค่าจะอยู่ในที่ลึกลับดำมืดที่สุด

ชีวิตที่มืดมนก็มีบางสิ่งที่มีค่าเสมอ ...


ขอเพียงเราเชื่อมั่นในตัวเอง
เราจะเชิดหน้าได้อย่างภาคภูมิใจ
ไม่มีใคร ... ดูถูกเราได้
หากเรา ... ไม่ยอมรับ

ข้อคิดเตือนใจตน ...

( ๒๑ มิ.ย. ๕๘ )


  • U r always on my mind
    Thank you very much!! You are alway too! 
  • wink emoticon